คุณอาจจะเคยมีอาการตกหลุมรักสาวหน้ามนคนไหนสักคน จนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำอะไรไม่ค่อยถูก แค่เห็นหน้าเขาก็ตกตะลึงจังงัง จะพูดจาแต่ละคำ มันช่างยากเย็นติดขัดไปหมด หรือกลายเป็นคนติดอ่างไปชั่วคราว
จึงอยากแนะนำบันได 3 ขั้นของความรัก ที่จะช่วยให้วัยรุ่นขบเผาะหรือวัยไหนก็ได้ ที่เพิ่งย่างเข้าสู่สนามรักรับมือกับเพศตรงข้ามได้โดยไม่เคอะเขิน
ช่วงที่ 1 : ความฝัน ตอนเริ่มคบกัน
แรกๆ คุณรู้สึกหลงใหลในตัวเขา จนไม่มีกะจิตกะใจจะทำอย่างอื่น คงเคยมีบ้างหรอก ที่คุณเฝ้าแต่วาดรูปหัวใจมีศรปักอก แล้วสลักชื่อคุณกับเขาลงไป เดินไปยิ้มไปคนเดียวด้วยความคิดถึงเขา เวลาคุยกับเพื่อน ไม่พ้นเรื่องของเขาอีกนั่นแหละ จนเพื่อนๆ เบื่อหน่าย
ในช่วงที่คุณตกหลุมรักตอนแรกๆ ยากจะบอกได้ว่า ความรักของคุณจะยืนยาวต่อไปหรือไม่ เพราะท่าทางพึงพอใจ โดยเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก โดยไม่คำนึงถึงความรักเท่าใดนัก บางทีเขาอาจจะทำเรื่องที่เหลวไหลหรือแย่แค่ไหน คุณก็มองไม่เห็น เพราะความหลงยังบังตาอยู่ แม้ความจริงเป็นสิ่งโหดร้าย แต่เราต้องยอมรับ เมื่อคุณพบแต่เนิ่นๆ ว่า เขาไม่ควรค่าแก่การที่คุณ จะต้องเสียเวลากับเขา ดังนั้นในตอนที่ความรักยังหวานชื่นอยู่นั้น ต้องพยายามรักษาสมองให้ปลอดโปร่ง อย่ารักจนโงหัวไม่ขึ้น
คำถามง่ายๆ ที่คุณควรถามตัวเองเบื้องต้นก่อน เช่น เขาอ่อนหวานไหม อารมณ์รุนแรงหรือไม่ สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อคุณ เป็นสิ่งที่คุณชอบหรือเปล่า ถ้าคำตอบคือ ไม่แน่ใจ ก็ต้องทบทวนแล้วว่าความสัมพันธ์ของคุณจะเกิดปัญหา ในอนาคตหรือเปล่า แต่ช่วงการตกหลุมรักอย่างเป็นบ้าเป็นหลังนั้น ไม่ใช่ช่วงที่ยืนยาวนัก บางครั้งหากความสัมพันธ์สนิทชิดเชื้อเกินไป เกิดร้าวรานได้ง่าย และหนุ่มสาวหลายคู่ทีเดียวที่เลิกรากันในช่วงนี้
ช่วงที่ 2 : เผชิญความจริง
ช่วงนี้เป็นระยะที่คล้ายกับคุณร่อนจากฟ้ามาสู่ดิน ถ้าคุณบินยิ่งสูง โอกาสตกลงมายิ่งแรง ซึ่งต้องเตรียมตัวเตรียมใจ มิฉะนั้นโอกาสที่คุณจะลุ่มหลง รูปลักษณ์ภายนอกเขาสูงกว่ามันสมองเขาแน่
จากตรงจุดนี้ คุณจะเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น เช่น เขาเล่าเรื่องตลกให้ฟังในขณะที่ข้าวยังเต็มปากอยู่ คุณเริ่มมองเห็นความไม่น่ารักเสียแล้ว คุณอาจพบเรื่องน่าเบื่อ หรือไม่เข้าท่าหลายอย่างของเขา จุดบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ทำให้คุณเลิกรากับเขาได้ ทั้งที่ตอนแรกคุณประทับใจเขาไปหมด ทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทาง การแต่งตัว พอมาถึงช่วงนี้ ทำไปทำมา หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มขัดหูขัดตามากขึ้น ขณะที่เขา ก็มีอาการไม่ต่างไปจากคุณเท่าใดนัก
ดังนั้นในช่วงที่คุณลังเลว่าจะไปจากเขาหรือเปล่า ช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่ทดสอบคุณทั้งสองได้ดีที่สุด ลองพิจารณาอย่างรอบคอบว่า จุดบกพร่องของเขา จะนำไปสู่การแตกแยกในที่สุดไหม หรือเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ที่ไม่ตรงกับความสมบูรณ์แบบที่คุณจินตนาการหรือคาดหวังไว้ ถ้าคุณรักเขาจริงๆ เรื่องดังกล่าวไม่น่าเป็นอุปสรรคมากเท่าใด และจำเป็นต้องพิจารณาว่าข้อเสียเหล่านี้ จะทำให้ความรักของคุณ ดำเนินต่อไปได้หรือไม่
ถ้าคุณตัดสินใจที่จะให้โอกาสทั้งสองฝ่ายควรพูดจาเปิดอกกัน จะมีประโยชน์กว่า หรือแม้กระทั่งการใช้อารมณ์ขันเข้าช่วยบางครั้ง หากคิดว่าข้อเสียของเขามากจนกลบข้อดีเกือบหมด โบกมือลาคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
ช่วงที่ 3 : โลกของคนสองคน
เมื่อคุณโชคดีผ่านสองช่วงแรกมาได้ แสดงว่า ความรักเขาสู่ภาวะที่มั่นคงแล้ว กลายเป็นโลกของคนสองคน ซึ่งจะนำมาใช้เรียกคุณกับเขาในตอนนี้ และคำว่า "ฉันรักคุณ" ก็เหมาะกับช่วงนี้เช่นกัน
เขาจะเป็นคู่ครองตัวจริงของคุณ รักและห่วงใยกันเสมอ มีความใกล้ชิดสนิทสนม และให้ความอบอุ่นซึ่งกันและกันได้ เป็นเพื่อนที่ดีที่สุด คนที่คุณอยากจุมพิตเพียงคนเดียว ระบายความในใจและปรึกษาหารือกันได้ เริ่มวางแผนจะก่อร่างสร้างครอบครัวในอนาคต ไม่ว่าอุปสรรคใดมาขวางกั้น ก็พร้อมต่อสู้และเป็นกำลังใจให้กัน
ทว่ามาถึงขั้นนี้ ยังไม่รับประกันว่า คุณจะครองคู่กันเป็นนิรันดร์ได้ ในช่วงนี้คุณจึงต้องดูว่า เขามีความคิดเข้ากับคุณได้ไหม รับผิดชอบมากเท่าไร ยังรักที่จะใช้ชีวิตโสดร่วมกับเพื่อนๆ มากกว่าคุณหรือเปล่า ถ้าคำตอบในคำถามดังกล่าวยังไม่แน่นอน แสดงว่า ความสัมพันธ์ยังไม่แน่นแฟ้นพอจะลั่นระฆังวิวาห์ได้ บางครั้งความจริงก็เป็นเรื่องทรมาน แต่ถ้าหลบหนี มันคุณจะยิ่งเจ็บปวดทวีคูณ
ลางบอกเหตุบางอย่าง เช่น การทะเลาะเบาะแว้ง และสภาพแวดล้อมที่ตึงเครียด แม้จะทำให้ความสัมพันธ์ของคุณ ตื่นเต้นหรือหวือหวา แต่ถ้ามีเงาของความรุนแรงแฝงอยู่ตลอด จนร่องรอยของความปริร้าวที่เริ่มปรากฏ การแยกจากควรเป็นหนทางที่น่าพิจารณาด้วยเช่นกัน
เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงที่ 3 แสดงว่า พื้นฐานความรักคุณเริ่มลงหลักปักฐาน แต่อย่าเพิ่งวางใจ แม้ว่าคุณจะมีต้นทุนแน่นอนจำนวนหนึ่ง แต่ถ้าคุณปล่อยไปตามสภาพโดยไม่รดน้ำพรวนดินต้นรัก ความรักจะจืดจางได้เช่นกัน
ข้อมูลจาก ผู้จัดการออนไลน์