น้อยคนนักที่จะรู้ว่าดินแดนปลายขวานทองอันอุดมสมบูรณ์ ยังมีของขวัญจากธรรมชาติที่สวรรค์มอบให้ถูกซ่อนเร้นและถูกปิดบังด้วยชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่เห็น “ปลาโลมาสีชมพู” กันชินตาจนไม่คิดว่าสิ่งที่เห็นอยู่ทุกวี่วัน จนกลายเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ จะสามารถเป็นจุดขายและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้หลั่งไหลเข้ามาและสร้างเม็ดเงินให้กับชาวประมงทดแทนการออกหาปลา ในวิกฤติน้ำมันแพงเช่นนี้
ปลาโลมาสีชมพู” อาศัยเป็นจ้าวถิ่นอยู่บริเวณ “อ่าวเสด็จ” หรือที่ชาวบ้านแถบนั้นเรียกแบบติดสำเนียงทองแดงจนเพี้ยนไปเป็น “อ่าวเตล็ด” ตั้งอยู่บริเวณเหนือสุดของอ่าวขนอม ในเขตอ.ขนอม ดินแดนนครศรีธรรมราช มานานนับหลายสิบปี ชาวบ้านกับชาวประมงในละแวกนั้นเห็นฝูงเจ้าปลาโลมาสีชมพูมาแหวกว่ายวนเวียนอวดโฉมหน้าและดวงตาทะเล้นสุกใส บนผิวน้ำยามที่ต้องโผล่พ้นขึ้นมาหายใจทุกเมื่อเชื่อวัน อยู่ตลอดทั้งปี เป็นภาพที่ชินตายิ่งนัก สำหรับคนที่ได้เห็นทุกวัน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวผู้เสาะแสวงหาธรรมชาติอย่างถึงที่สุดแล้ว ล้วนตื่นเต้นแปลกตากับฝูงเจ้าโลมาสีชมพู ซึ่งปกติแล้วปลาโลมาจะมีลักษณะสีเทาเผือก แต่ปลาโลมาสีชมพูที่ว่าจะมีอายุประมาณ 40-50 ปี สีเทาที่ผิวของมันจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูทั่วทั้งตัวในที่สุด
ไม่แปลกใจหากเราจะพบว่าฝูงปลาโลมาเหล่านี้ ออกมาอวดโฉมหน้าให้ได้เห็นอย่างไม่เคอะเขิน ราวกับว่านี่คือกิจวัตรประจำวันที่ต้องออกมาทักทายอาคันตุกะ ที่ต้องการมายลโฉมให้เห็นเป็นบุญตา ก็อาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยวเองด้วยที่รักษามารยาทของความเป็นนักท่องเที่ยวธรรมชาติอย่างแท้จริง ที่ขอเพียงแค่ได้พบเห็น และพยายามถนอมรักษาสิ่งมหัศจรรย์ที่อยู่เบื้องหน้าไว้ให้ได้นานที่สุด เพราะความสุขที่ได้รับผ่านสายตาและเลนส์กล้องนั้นก็เป็นความสุขเกินบรรยายแล้ว
ตามคำบอกเล่าของ “ชวนชื่น อรรถพร” ผู้ดูแลธุรกิจท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในเมืองขนอม และเพิ่งมาจับธุรกิจท่องเที่ยวตัวนี้ได้เพียง 10 ปี บอกว่า “ไม่รู้ว่าปลาโลมาเหล่านี้มาอาศัยอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เท่าที่พี่เข้ามาจับธุรกิจท่องเที่ยวตรงนี้เมื่อ 10 ปี ก่อน ก็เห็นแล้ว แปลกที่พี่ก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ที่ตรงนี้มีฝูงโลมาอยู่ด้วย น่าเสียดายที่คนไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ จะมีก็เฉพาะคนท้องที่เท่านั้นจริง ๆ ถึงจะทราบ แต่เขาก็เฉย ๆ ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่อะไร พี่อยากเรียกมันว่าเป็นสิ่งที่สวรรค์ซ่อนเร้นจริง ๆ ”
อย่างไรก็ตาม เจ้าโลมาสีชมพูคงไม่ต้องถูกสวรรค์บดบังอีกต่อไป เพราะในอีกปีข้างหน้า ฝูงโลมาสีชมพู ก็จะถูกบันทึกเป็นบทหนึ่งในโครงการ “อันซีน ไทยแลนด์” อย่างเป็นทางการแล้ว
แม้เมืองขนอมในวันนี้ยังไม่บูมเรื่องท่องเที่ยวเท่าที่ควร เป็นเพราะคนอาจคิดว่าที่นี่เป็นเมืองอุตสาหกรรมเสียส่วนมาก ในขณะที่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติในเมืองขนอมนั้นมีมากมาย และยังคงสภาพตามธรรมชาติไว้ได้อย่างดีด้วย ทั้งชายหาดต่าง ๆ ที่เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจอย่างแท้จริง ด้วยความสงบเงียบเรียบง่ายประกอบกับธรรมชาติยังไม่ถูกทำลายไปมากนัก ทั้งที่เมื่อก่อน ณ บริเวณอ่าวท้องเนียน ช่วงเดือนก.ค.ของทุกปีนั้น เคยจัดการแข่งขันกอล์ฟทะเลมาแล้วถึง 3 ปีซ้อน เนื่องจากมีพื้นที่ชายหาดนับพันไร่ และเป็นการโปรโมทด้านการท่องเที่ยวไปในตัว แต่ก็ต้องมีอันพับโครงการไปด้วยเหตุผลกลไกของภาครัฐ
พระอาทิตย์ลาขอบฟ้าไปแล้ว เพื่อรอวันพรุ่งนี้ที่จะเวียนมาบรรจบอีกครั้ง กิจวัตรเดิมเริ่มต้นหมุนวันให้ข้ามคืนต่อไป ....
เจ้าโลมาสีชมพูคงคิดเช่นกัน มันคงอยู่ตรงนั้นเพื่อรอทำสิ่งเดิม.
ข้อมูลจาก เดลินิวส์