|
บทสรุปสุดท้ายของชายเจ้าชู้ วันที่ 27/09/2011 14:35:23
บทสรุปสุดท้ายของชายเจ้าชู้
คุณคงเคยได้ยินคำว่า “สับราง” ในเรื่องของความรักไหม... ? การสับรางส่วนใหญ่ก็สับรางกันเพียงแค่ 2 รางเท่านั้น แต่สำหรับผม ผมเคยสับรางทีเดียวถึง 3 รางพร้อมๆ กัน สุดท้ายรถไฟทั้ง 3 ขบวนนี้ก็มาบรรจบกันและทำให้ผมต้องตัดสินใจเลือกว่าจะไปกับรถไฟขบวนไหนดี
ผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่มีนิสัยคล้ายๆ ผู้ชายทั่วไปที่มีความเจ้าชู้ กระล่อนในตัว แต่อาจจะมีมากกว่าคนอื่นนิดนึง และความเจ้าชู้นี้เองที่ทำให้ผมเสียใจจวบจนทุกวันนี้ สมัยตอนม.3 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี ผมได้คบกับผู้หญิงคนหนึ่งเธอมีชื่อว่า "มล" เธอเป็นคนที่น่ารัก และมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนในชั้นเรียน จึงทำให้เธอเป็นที่หมายปองของเพื่อนหลายคน แต่ที่จริงแล้วเราสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถมแล้ว ผมคบกับเธอในช่วงปิดเทอมรอขึ้นม.4 เพราะช่วงปิดเทอมนี้เอง เพื่อนๆ ผมนัดกันเลี้ยงรุ่นและไปเที่ยวกัน ผมจึงโทรไปหาเธอบ่อยๆ และเริ่มแปรเปลี่ยนจากมิตรภาพไปสู่ความรัก
แต่พอเปิดเทอมชั้นม.4 ผมก็ได้แยกที่เรียนกับเธอทำให้เราสองคนขาดการติดต่อกันและหายจากกันไปในที่สุด ช่วงนี้ผมก็ใช้ชีวิตเฮฮาตามภาษาวัยรุ่นทั่วๆ ไป ซึ่งเรื่องราวความรักของ 3 สาว 1 ชายก็กำลังจะเกิดขึ้น เมื่อผมได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ที่เรียนม.6 มาด้วยกัน หนึ่งในคณะที่ไปเที่ยวด้วยกันมีหญิงสาวร่างเล็กคนหนึ่งชื่อว่า "รัตน์" (เธอเป็นคนที่ผมแอบชอบมาตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ม.5 ) แต่เหตุที่ผมไม่บอกเธอไปในตอนนั้นก็เพราะว่าเธอคบอยู่กับทอมคนหนึ่งอยู่ แล้วไอ้ทอมคนนั้นมันก็ดันเป็นเพื่อนซี้สุดๆ ของผม ด้วยความที่ผมกลัวผิดใจกับเพื่อน เลยทำให้ไม่กล้าบอกความในใจกับเธอ แต่เมื่อบรรยากาศมันแสนจะเป็นใจ ผมก็คิดขึ้นมาได้ว่า ถ้าเราไม่บอกวันนี้ ก็คงไม่มีโอกาสที่จะบอกให้เธอรู้อีกแล้ว เพราะเหลืออีกแค่อาทิตย์เดียวเราก็ต้องจากกัน ผมจึงตัดสินใจบอกความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอไป สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เธอตกลงปลงใจที่จะเลือกคบผม ด้วยเหตุผลที่ว่าเพื่อนทอมของผม ไม่สามารถเข้ากับญาติผู้ใหญ่ของเธอได้ ผมจึงได้คบกับเธอในและฐานะแฟน พร้อมๆ กับเสียเพื่อนสนิทไปหนึ่งคน
ความรักของผมและรัตน์กำลังไปกันด้วยดี ผมจะไปหาเธอที่บ้านทุกๆ วัน จนกระทั่งผมต้องย้ายเข้ามาเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่กรุงเทพฯ ดังนั้นผมจึงต้องย้ายเข้ามาอยู่กับพี่ชายที่กรุงเทพ ก่อนที่มหาวิทยาลัยจะเปิดเทอมเสียอีก เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับสภาวะแวดล้อมใหม่ๆ ซึ่งการที่ผมต้องห่างจาก "รัตน์" ความเหงาก็เริ่มเข้ามาครอบงำจิตใจผม ผมตัดสินใจโทรฯ ไปหา "มล" เพื่อนหญิงคนแรกของผม ที่เธอก็ย้ายเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เหมือนกัน
ตอนนี้ความเหงาของผมเริ่มเบาบางลงไป เพราะได้ "มล" คอยอยู่เป็นเพื่อนไปเที่ยว ดูหนังกับผมเป็นประจำ จนเราสองคนกลับมาคบกันแบบแฟนอีกครั้ง ในขณะเดียวกันผมก็ยังโทรฯ ทางไกลกลับไปหา "รัตน" อีกเช่นกัน
เมื่อเธอสองคนต่างก็มีความหมาย และดีต่อผมทั้งคู่ และผมก็ไม่อยากที่จะเสียใครไปดังนั้น ผมจึงเริ่มวางแผน โดยการแบ่งเวลาเดินสายขบวนรถไฟไม่ให้ชนกัน
ช่วงเช้าถึงเย็นผมจะไปเที่ยวอยู่กับ "มล" ส่วนตอนกลางคืนผมก็อาศัยโทรฯ ไปหา "รัตน์" ผมทำแบบนี้อยู่ได้ 2-3เดือน แต่เมื่อมหาวิทยาลัยเปิดเทอม ผมก็ได้เจอกับเพื่อนและสังคมใหม่ๆ รวมทั้ง "ฟ้า" รุ่นพี่ในคณะของผม ซึ่งผมก็ดันไปแอบหลงรักเธอเข้าอีกแล้ว
งานนี้ผมเริ่มเหนื่อยหน่าย เพราะมีรถไฟถึง 3 ขบวนที่ผมต้องทำหน้าที่สับราง ในเมื่อคนเรามีแขนเพียง 2 ข้างที่เอาไว้ทำงาน ผมจึงเริ่มที่จะคิดตัดแขนที่เป็นส่วนเกินออก ผมเลือกที่จะตัด "รัตน์" ออกไป เพราะว่าเธอเรียนที่จ. นครปฐม จึงไม่ค่อยมีเวลาเจอกันเท่าไหร่ โดยผมใช้วิธีการบอกเลิกเหมือนกับผู้ชายทั่วๆ ไป คือ ไม่โทรฯไปหา ชนิดที่ว่าขาดหายการติดต่อไปเลย พอเธอโทรฯ มาผมก็จะพูดตัดบทว่าไม่ว่าง หรือเล่นฟุตบอลอยู่กับเพื่อนบ้าง ผมทำอย่างนี้กับเธอได้ประมาณเกือบสองอาทิตย์ รัตน์คงทนไม่ไหว เธอเลยถามผมว่า "มีแฟนใหม่หรือเปล่า" ซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดการล่วงหน้าไว้ก่อน เลยตอบเธอไปตรงๆ เลยว่า "มีแฟนใหม่แล้ว" แล้วคำพูดที่ผมได้ยินจากปากเธอเป้นครั้งสุดท้าย ก็คือ "แค่นี้นะ" พร้อมกับวางหูใส่อย่างแรง
หลายคนคงสงสัยว่าผมจะเสียใจไหม..? ผมตอบได้เต็มปากเลยว่าไม่เสียใจ กลับเป็นเรื่องดีซะอีกที่ผมจะไม่ต้องเหนื่อยเป็น 3 เท่า ความรักของผมที่เหลืออยู่กับผู้หญิงทั้งสองคน ดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี ผมสามารถสับรางรถไฟของผมได้เก่งมาขึ้น โดยทั้งคู่ไม่รู้สึกเอะใจอะไร... แต่ความที่โลกเราเนี่ยมันกลมเกินไปซะหน่อย "ฟ้า" ดันไปรู้จักกับ "อร" ซึ่งเป็นเพื่อนของผมและ "มล" เมื่อสมัยเรียนอยู่ที่สุพรรณบุรี วันหนึ่งเมื่อ "อร" และ "มล"นัดเจอกัน อรได้หยิบสมุดสะสมสติกเกอร์ของเธอขึ้นมาอวดให้ "มล" ดู ซึ่งภาพสติกเกอร์ในสมุดเล่มนั้นก็มีรูปผมถ่ายคู่กับ "ฟ้า" รวมอยู่ด้วย
คำถามากมายเกินขึ้นในวันนี้ "มล" คงถาม "อร" ว่าผุ้หญิงคนที่ถ่านรูปกับผมคือใคร และคำตอบมันคงหนีไม่พ้นว่า ผมเป็นแฟนกับฟ้า จากนั้นไม่นาน "มล"ก็โทรศัพท์มาร้องไห้กับผม พร้อมเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ผมเองได้แต่นิ่งเงียบยอมรับความผิดอันร้ายแรงที่ผมได้กระทำมันขึ้นมา หลายคนคงคิดว่า "มล" จะโวยวายแล้วให้ผมตัดสินใจเลือกใครคนใดคนหนึ่ง...แต่บทสรุปสุดท้ายมันไม่ได้เป็นแบบที่คุณคิดหรอกครับ รวมทั้งผมด้วย "เธอขอเลือกเป็นฝ่ายไปเอง" ซึ่งเนี่ยแหล่ะครับ คือ จุดที่ผมเสียใจที่สุด ผมไม่กล้าเอ่ยปากบอกว่าเธอด้วยซ้ำว่า ผมอยากจะเลือกเธอมากกว่า
ผมก็ต้องก้มหน้ารับความจริงไปโดยที่ "ฟ้า" ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ผมทนเสียใจแบบนี้อยู่ได้ไม่นาน ชีวิตของผมก็เริ่มถือกำเนิดความรักขึ้นมาใหม่ ผมและฟ้าคบหากันมาอย่างมีความสุข ถึงแม้ว่าผมจะหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่คบกับมลอยู่บางเป็นบางครั้งบางคราว พอนานๆ ไปเวลาก็ช่วยเยียวยารักษาใจของผมให้ดีขึ้นเอง
แต่ใครจะรู้บ้างว่าความสุขในครั้งนี้เองมันกำลังกลับมาย้อนทำร้ายชีวิตของผม
เหมือนกับว่าผมต้องชดใช้กรรมที่ผมได้ทำกับ "มล"และ "รัตน"เอาไว้...
หลังจากเรื่องราวความรักของผม กับ 2 สาว "มล" และ "รัตน์" จบลงไปแบบไม่ค่อยแฮปปี้เท่าไหร่ ผมก็ได้เริ่มต้นความรักใหม่อีกครั้งกับ "ฟ้า" รุ่นพี่ใจดีที่มหาวิทยาลัย โดยผมตั้งใจจะว่าเลิกเจ้าชู้เป็นคนดีของเธอเสียที
ความรักของเราสองคนเป็นไปได้สวยตามที่ผมวาดฝันไว้ทุกอย่าง "ฟ้า" มีเวลาให้ผมมากมาย ไม่ว่าผมจะไปไหนก็มักจะหนีบฟ้าติดตัวไปด้วยตลอด แถมบางครั้งยังมี "ทราย" น้องสาวฟ้าของติดตามไปด้วย จนใครๆ ต่างเข้าใจผิดว่า ผมรักพี่เสียดายน้องหรือเปล่า...ไม่หรอกครับ ถึงแม้ผมกับทรายจะเกิดปีเดียวกัน แต่ผมก็รู้สึกรักและเอ็นดูทรายในฐานะน้องสาว (แฟน) เท่านั้น
ช่วงเวลาแห่งความสุขก็อยู่ได้ไม่นานนัก "ฟ้า" ก็ดันฝันประหลาดขึ้นมาว่า ในวันเกิดของเธอนั้น เธอนัดเจอกับผมที่ร้าน MK สาขามาบุญครอง แต่ในฝันไม่ได้ไปหาเธอคนเดียว กลับควง "เปิ้ล" (เพื่อนคนหนึ่งในชั้นเรียนของผม) มาด้วย และในฝันนี้เองผมกับเปิ้ลได้ยื่นการ์ดใบหนึ่งให้กับฟ้า พร้อมกับคำพูดประโยคหนึ่งว่า เราจะแต่งงานกัน ซึ่งคำพูดประโยคนี้ทำให้ฟ้าต้องตกใจตื่นมากลางดึกพร้อมด้วยน้ำที่รินไหลอาบเต็มสองแก้ม
รุ่งเช้าฟ้ารีบมาหาผมทันที พร้อมกับเล่าความฝันประหลาดให้ผมฟัง ผมก็ได้แต่ปลอบเธอไม่ให้เก็บเอามาคิดมาก แต่แล้วไม่นานนักใครจะรู้ว่าความฝันที่ว่าไร้สาระนี้ก็เป็นเรื่องจริงขึ้นมาได้ เมื่อเธอคิดนอกใจผม
วันหนึ่งเพื่อนผมมันมาเล่าให้ฟังว่าเห็น"ฟ้า" เดินจูงมืออยู่กับผู้ชายคนหนึ่งแถวหอพักของมหาวิทยาลัย ทีแรกผมก็ไม่คิดจะเชื่อหรอก เพราะมันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด หรือไม่ผู้ชายคนนั้นก็อาจจะเป็นญาติฝ่ายไหนของ "ฟ้า" ก็เป็นไปได้ แต่สุดท้ายแล้วผมก็ได้รู้ความจริงว่า ผู้ชายคนนั้น คือ คนที่ฟ้าคบอยู่ด้วยในระหว่างที่เป็นแฟนกับผมนั่นเอง
ในใจผมตอนนั้นอยากจะถามเธอจริงๆ ว่าทำไมต้องหลอกลวงผมด้วย ทั้งๆ ที่ผมก็พยายามทำตัวเป็นแฟนที่ดีของเธอมาโดยตลอด ผมยังคบอยู่ฟ้าต่อไปเรื่อยๆ ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่า เธอแบ่งใจไปให้ชายอีกคน คุณๆ คงสงสัยหล่ะสิว่าทำไมผมถึงไม่ยอมเลิกลากับเธอไปซะ บอกตรงๆ เลยนะ ผมกลัวความเหงา ผมทนไม่ได้หรอกที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีเธอ
แต่แล้วความอดทนของคนเราก็มีจำกัด เมื่อฟ้าเริ่มตีตัวออกห่างจากผม เวลาที่เคยมีให้เริ่มหายไป ผมจึงตัดสินใจบอกเลิกกับฟ้า โดยอ้างว่าผมมีแฟนใหม่แล้ว นั่นก็คือ "เปิ้ล" คนที่ฟ้าเคยฝันถึงนั่งเอง (ก่อนหน้านี้ผมได้วางแผนกับเปิ้ลไว้แล้วว่าเราจะแกล้งเป็นแฟนกัน เพื่อทำให้ความฝันของฟ้านั้นเป็นจริงขึ้นมา) เมื่อฟ้ารู้เรื่องก็เกิดอาการงง และตกใจมาก ตามที่ผมคาดการณ์ไว้ ผมทำให้ "ฟ้า" ร้องไห้ที่ต้องเสียผมไปให้กับคนที่เขาฝังใจ ตอนนั้นผมก็สงสารเธอนะ อยากกลับไปคืนดีด้วย แต่อีกใจหนึ่งมันรู้สึกสะใจมากกว่าที่ได้แก้แค้นเธอ"
ถึงตอนนี้ผมจะไม่เหลือใครอีกแล้ว ทั้ง "มล", "รัตน์", "ฟ้า" และ "เปิ้ล" (แฟนจำเป็น) แต่มันก็ทำให้ผมได้รู้ซึ้งว่า เวรกรรมมันตามเราทันจริงๆ ในชาตินี้ จากที่ผมเคยทำร้ายจิตใจผู้หญิงที่มอบสิ่งดีให้กับผม และสุดท้ายผมก็โดนผู้หญิงที่ผมรักมากที่สุดทำร้ายกลับ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้วสำหรับชายเจ้าชู้อย่างผม
วันเวลาต่อจากนี้ ผมขอนำบทเรียนในอดีตมาเป็นเครื่องเตือนใจ สอนให้ผมรู้จักมอบความรัก และความซื่อสัตย์ต่อความรักครั้งใหม่ของผม
คำสารภาพจาก...อดีตชายเจ้าชู้คนหนึ่ง
|
นานาสาระ
|