เกาะพยาม จังหวัดระนอง
ฉันเดินออกจากกรุงเทพฯ กลางคืนราว 4 ทุ่ม มาถึงตัวเมืองระนองในตอนเช้า กิจกรรมแรกที่ทำคือ แวะไปเที่ยวที่บ่อน้ำร้อนรักษะวารินซึ่งอยู่ไม่ห่างใจกลางของเมืองมากนัก เป็นบ่อน้ำร้อนที่มีชื่อเสียง ที่ได้ชื่อว่าน้ำแร่จากที่นี่ดีที่สุดในเมืองไทย
จากนั้นก็เดินทางต่อไปที่ท่าเรือโดยมีจุดหมายของวันนี้อยู่ที่ "เกาะพยาม" ... ช่วงที่ฉันไปเป็น Low Season เรือโดยสารที่เรียกว่า "เรือเมล์" จะมีเพียง 2 เที่ยว คือ เช้า 9:30 น. และบ่าย 14:00 น. ถ้าช่วง High Season อาจจะมีมากกว่า 2 เที่ยว สามารถสอบถามกับทาง Resort ได้ .. สำหรับค่าโดยสารเรือเขาเก็บคนละ 150 บาทต่อเที่ยวค่ะ
เรือเมลล์นี่จะแล่นช้ากว่าสปีดโบ๊ต ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง มีข้อดีคือจะไม่ค่อยกระเทือน ทำให้ไม่เมาเรือ แต่ถ้านั่งเรือเร็วใช้เวลาราว 40 นาที ที่แม้จะใช้เวลาน้อยก็จริง แต่ไม่เหมาะกับคนที่เมาเรือง่าย เพราะจะกระเทือนค่อนข้างมาก ... ฉันมีเวลาน้อยเลยเลือกที่จะโดยสารไปกับเรือเร็วค่ะ ค่าโดยสารคนละ 350 บาทต่อเที่ยว
ส่วนขากลับฉันเลือกที่จะใช้บริการของเรือเมลล์ เพราะใช้เวลานานกว่า ก็เลยต้องเตรียมฆ่าเวลากันด้วยการหาหนังสือดีๆสักเล่มมาอ่าน ฟังเพลง รวมถึงหาของขบเคี้ยวมารับประทาน ซึ่งก็เป็นไอเดียที่หลายๆคนเลือกค่ะ แล้วแต่รสนิยม ... หากอยากชมวิวสวย ๆ ลมโชย สุดๆ ก็ขึ้ืนไปชั้น 2 เลยนะคะรับรองไม่ผิดหวัง
ภาพด้านล่าง ... วิวทิวทัศน์แปลกตา และวิถีชีวิตของผู้คนริมสายน้ำ ที่เคลื่อนไหวเป็นส่วนหนึ่งของเช้าที่สดใส ลื่นไหลผ่านเข้ามาในสายตาในขณะที่เรือออกจากท่ามาตามคลอง ก่อนจะเลยออกสู่ทะเลกว้าง ที่ได้รับการบันทึกด้วยเลนส์กล้อง
... ชีวิตชาวเล ... วิถีทางสังคมที่เรียนรู้จากรุ่นสู่รุ่น และพร้อมที่จะส่งผ่านไปเรื่อยๆยังรุ่นต่อไป .. ทางที่เลือก หรือเลือกไม่ได้ของผู่คนที่นี่ ที่ฉันไม่อาจตีความ
... บ้านเรือนริมน้ำ ... เรือใหญ่เล็ก ตามสภาพการใช้งาน ... บางสิ่งที่จำเป็นต่อวิถีการดำรงชีวิตและการทำมาหากิน ที่นับวันจะไม่สะดวกสบายเหมือนเมื่อครั้งอดีต ...
ความบีบคั้นทางเศรษฐกิจที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลา และการแก่งแย่งเพื่อความอยู่รอดของชีวิตที่จินตนาการได้ไม่ลำบาก
หลังจากเดินทางมาราว 40 นาทีด้วยเรือสปีดโบ๊ต เราก็มองเห็นตัวเกาะพยามใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ... หากคุณแจ้งทางรีสอร์ทไว้ล่วงหน้า พอมาถึงท่าเรือของเกาะ ทางรีสอร์ทจะส่งรถกอล์ฟมารับถึงท่าเรือเลยค่ะ ...
ภาพของวัดกลางน้ำ ที่ดูลึกลับ น่าค้นหา ... ท่าเรือเล็กๆไม่พลุกพล่าน ... ล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่ของใครหลายคนที่มาเยือนเกาะพยาม ในยามนี้
ที่รีสอร์ท ... ทุกคนได้รับการต้อนรับด้วย Welcome Drink สีสวย รสชาติเยี่ยม ... หลายคนลืมตัวจิบไปก่อนแล้ว โดยยังไม่ได้เก็บภาพ
กิจกรรมแรกที่ฉันทำที่นี่ คือ เดินดูรอบๆบริเวณส่วนรับรอง ห้องอาหารริมทะเล ...
อาคารห้องอาหารมีขนาดใหญ่ พื้นเป็นซีเมนต์เปลือยขัดเงา สร้างให้เพดานสูงโล่ง มุงด้วยหญ้าแฟก ให้ความรู้สึกปรอดโปร่ง สบาย ... โดยมีวิวแบบพานอรามา กว้างๆ โปร่งๆของทะเลเปิดรับ และดูเหมือนจะส่งยิ้มเรียกให้ผู้คนเข้ามาสู่วงแขนของทะเลสีครามสวยด้วยความยินดี ... หลายคนจึงนั่งชิลๆที่ตรงนี้ได้ตลอดวัน โดยไม่เบื่อเลยค่ะ
ห้องอาหารที่นี่ มีชื่อเสียงในการให้บริการที่เยี่ยมยอด พร้อมมีอาหารทะเล หรืออาหารตามเมนู ทั้งรสชาติจัดจ้าน และแบบเทรดดิชั่นนอลไว้บริการ พร้อมเครื่องดื่มนุ่มลิ้น
กับแกล้มสำหรับคอดื่ม .. ไก่สามอย่างค่ะ สามารถเลือกได้ว่าเป็นเนื้อไก่ หรือจะเป็นเอ็นข้อไก่ก็ได้ คั่วกับกุ้งแห้ง และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของดีัเมืองระนอง ใบมะกรูด ใบกระเพราทอดกรอบ กินเป็นกับแกล้มเพลินมาก ๆ ...
แขกทุกคนติดใจรสชาติของอาหารที่นี่มากค่ะ ... ฉันไม่มีรูป ด้วยทานหมดเสียก่อน ไม่ทันได้นึกว่าจะต้องถ่ายภาพค่ะ
บริเวณรอบๆรีสอร์ท ... มีหาดทรายขาวนุ่มเท้าเวลาเดิน ... บนฝั่งมีมุมสงบหลายมุม แต่ที่ฉันชอบคือ เปลยวนค่ะ ... มีความสุขนักหนาที่ได้นอนหลับตา ปล่อยความคิดและจินตนาการไปยังที่แสนไกล ในขณะที่สายลมจากทะเลโชยมาโลมไล้เนื้อตัว ... จนเผลอหลับไปเนิ่นนาน
หากคุณรักการใช้ชีวิตกลางแจ้งที่ไม่โลดโผนนัก ทางรีสอร์ทมีอุปกรณ์สำหรับพายคะยักไว้บริการด้วยค่ะ ..
พายช้าๆ ออกไปชื่นชมน้ำทะเลใส และปลาตัวจิ๋วสีสวยที่ว่ายมาล้อมหน้าล้อมหลัง ราวกับจะเชิญชวนให้กระโดดลงไปดำผุด ดำว่ายด้วยกัน
มุมชิล ๆ บริเวณเฉลียงหน้าห้องพักค่ะ ... ที่นี่ในช่วงน้ำขึ้นสูง สามารถนั่งที่ขอบเฉลียงเอาเท้าแช่น้ำกันได้เลย พร้อมบรรยากาศที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ของป่าชายเลน
พอแดดร่ม ลมตกแล้ว ก็ไปหากิจกรรมทำกันค่ะ ... ช่วงบ่ายเป็นช่วงที่เหมาะแก่การพายเรือ เพราะเป็นช่วงน้ำขึ้น
การเดินไปตามทางเดินจากที่พักเข้าสู่บริเวณป่าชายเลน ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจค่ะ ... คุณจะสามารถเฝ้าดูนกชนิดต่างๆ ปู และสรรพชีวิตที่สอดแทรกตัวเองเป็นสังคมและระบบนิเวศน์ที่เกื้อกูล พึ่งพาซึ่งกันและกัน ... รวมถึงเรียนรู้ถึงความมหัศจรรย์ของธรรมชาติรอบๆตัวได้อย่างดีที่สุดค่ะ
สำหรับท่านที่อยากชมบรรยากาศโดยรวมของเกาะ แนะนำให้เช่ามอเตอร์ไซค์ขับรอบเกาะ ทางรีสอร์ทมีบริการด้วยค่าเช่า วันละ 250 บาท ไม่รวมน้ำมัน โดยน้ำมันเราต้องเติมเองตรงปากทางเข้ารีสอร์ท ... แล้วอย่าลืมขอแผนที่รอบเกาะจากพนักงานของรีสอร์ทติดตัวไปด้วยนะคะ อย่างน้อยก็กันหลงทาง และจะได้เที่ยวอย่างสบายใจ ไปถึงสถานที่สวยๆที่ควรเที่ยวค่ะ
อ่าวเขาควาย เป็นสถานที่ท้อปฮิตในการชมพระอาิทิตย์อัสดง ที่นี่จะเห็นพระอาทิตย์ตกบนสันเขา แต่ถ้าจะชมพระอาทิตย์ตกบนท้องน้ำ ต้องไปที่อ่าวใหญ่กันแหละค่ะ
**** ขอให้เที่ยวระนองอย่างสนุก สุขใจ กันถ้วนหน้านะคะ